วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560

โพสต์นี้ ว่าด้วยเรื่อง เช็คค้ำประกัน และ แจ้งความเท็จ

               ในเบื้องต้นขอทำความเข้าใจกันก่อนว่า ในเช็คหนึ่งใบนั้น อาจมีการดำเนินคดีได้ถึงสองคดี คือ คดีแพ่ง และคดีอาญา เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ เช็ค คือ ตั๋วเงินประเภทหนึ่ง ซึ่งมีกฎหมายระบุหน้าที่และความรับผิดต่างๆในการใช้ตั๋วเงินดังกล่าวไว้แล้ว ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นคดีแพ่ง กับอีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมใช้สิทธิ์กันหากเช็คดังกล่าวไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ตามกำหนด หรือที่นิยมเรียกว่า “เช็คเด้ง” โดยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2534
ซึ่งมีโทษทางอาญา
                แต่ก่อนที่ท่านจะใช้สิทธิในทางใด จะต้องดูเสียก่อนว่า เช็คใบนั้น ผู้สั่งจ่าย หรือผู้ลงนามในเช็คจะต้องรับผิดในทางใดได้บ้าง ก็จะได้เลือกดำเนินคดีได้อย่างถูกต้อง ซึ่งหากไม่มีความผิดในทางอาญา ก็อย่าไปใช้สิทธิแจ้งความดำเนินคดีอาญากับผู้สั่งจ่ายมิเช่นนั้นผู้ทรงก็อาจจะมีความผิดในทางอาญาเสียเองซึ่งไม่คุ้มกันเลย



       คดีที่ผมนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้นั้น เป็นเรื่องการออกเช็คเป็นประกันการทำงาน และมีเงื่อนไขบังคับก่อนว่าต้องมีการหักทอนบัญชีกันให้แล้วเสร็จจึงจะนำเช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินได้ ดังนั้น เมื่อการหักทอนบัญชียังไม่เกิดขึ้น ผู้ทรงเช็คก็ยังไม่มีสิทธิ์ในการนำเช็คไปเรียกเก็บเงิน สถานะของเช็คดังกล่าวก็ยังคงเป็นการค้ำประกันงานกันอยู่ ( #เมื่อยังไม่เกิดสิทธิโดยชอบหากนำเช็คไปเรียกเก็บผู้สั่งจ่ายจะไม่มีความผิดในทางอาญา 
ดังนี้ เมื่อผู้ทรงเช็คนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินก่อนมีสิทธิ์ทำได้ตามกฎหมายแล้วธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จากนั้นจึงได้นำเรื่องไปแจ้งความเดินเนินคดีว่า #ผู้สั่งจ่ายกู้ยืมเงินไปแล้วออกเช็คไว้ให้ไม่มีเงินพอจ่าย อันเป็นลักษณะความผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ม.3 ( ปัจจุบันมีการชำระแก้ไขใหม่เป็น ปี 2534) ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง ดังนั้น ผู้แจ้งความคดีเช็คจึงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ
(((ความเห็นเพิ่มเติม))) ในประเด็นนี้ พอเทียบเคียงกับข้อเท็จจริงกรณี การนำเช็คค้ำประกันแบบไม่มีเงื่อนไขบังคับก่อนซึ่งไม่มีทางเป็นความผิดตามกฎหมายในทางอาญาได้เลยไปแจ้งความดำเนินคดี ก็จะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้เช่นดังคำพิพากษาฎีกาฉบับนี้เช่นกัน และที่สำคัญเพียงการแจ้งความก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว โดยไม่ต้องคำนึงว่าพนักงานสอบสวนตลอดจนพนักงานอัยการจะพิจารณาสั่งฟ้องดำเนินคดีหรือไม่

...................................................

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586 - 600/2504

                จำเลยจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างอาคารและจ่ายเงินให้โจทก์นำไปใช้ในการก่อสร้างโดยให้โจทก์ออกเช็คไว้ให้เป็นประกันการก่อสร้างโดยเป็นที่เข้าใจกันว่าจะบังคับใช้ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อได้คิดบัญชีหักทอนกันก่อน แต่ต่อมาโจทก์จำเลยผิดใจกัน จำเลยนำเช็คเข้าบัญชีธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ไปแจ้งความตำรวจหาว่าโจทก์ทำผิดอาญา โดยกู้ยืมเงินไปแล้วออกเช็คไว้ให้ไม่มีเงินพอจ่าย ทั้งนี้โดยไม่ได้คิดบัญชีกันเลยดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ส่วนโจทก์ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2504)

               คดีทั้ง 15 สำนวนนี้ ศาลอาญารวมพิจารณาพิพากษาโดยเดิมนายเกษมเป็นโจทก์ฟ้องนายทองดีเป็นจำเลยหาว่านายทองดีนำความที่รู้ว่าเป็นเท็จไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า นายเกษมยืมเงินนายทองดีไปหลายครั้งโดยออกเช็คไว้ให้เป็นการชำระหนี้เงินยืมรวม 7 ฉบับธนาคารคืนเช็คเพราะนายเกษมไม่มีเงินในธนาคาร ซึ่งความจริงเช็ค 7 ฉบับนี้เกิดจากนายทองดีจ้างเหมานายเกษมทำการก่อสร้างที่พักตากอากาศของนายทองดี ๆ จ่ายเงินค่าก่อสร้างให้โดยให้นายเกษมออกเช็คไว้เป็นประกันการก่อสร้าง ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 172, 173, 175, 267

               ต่อมานายทองดี เป็นโจทก์ฟ้องนายเกษม 7 สำนวน หาว่าออกเช็คสำนวนละ 1 ฉบับโดยมีเงินไม่พอจ่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และนับโทษต่อ

               ต่อมาพนักงานอัยการได้ฟ้องนายเกษมเป็นจำเลย 7 สำนวน มีข้อหาและคำขอลงโทษอย่างเดียวกับฟ้องของนายทองดีทั้ง 7 สำนวน

               ศาลแขวงพระนครใต้ไต่สวนมูลฟ้องคดีที่นายเกษมและนายทองดีต่างเป็นโจทก์แล้วสั่งรับฟ้องและให้นายทองดีนำคดีไปฟ้องศาลอาญาและเห็นว่ากรณี 2 เรื่องนี้ ควรรวมพิจารณาที่ศาลอาญาโดยคู่ความต่างยินยอม จึงส่งสำนวนที่นายเกษมเป็นโจทก์มาศาลอาญา ศาลอาญาสั่งให้โอนคดีมารวมพิจารณากันได้

               ศาลอาญาพิจารณาเสร็จแล้วฟังว่า นายทองดีจ้างเหมาบริษัทนวรัตน์จำกัด ซึ่งนายเกษมเป็นผู้จัดการทำการก่อสร้าง ไม่พอฟังว่านายทองดีจ้างนายเกษมเป็นส่วนตัว ฉะนั้น เช็คที่นายเกษมออกให้จึงไม่ใช่เช็คประกันการก่อสร้างนายเกษมจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค รวม 7 กระทง ให้จำคุก 1 ปี (ลดแล้ว) และยกฟ้องของนายเกษม

               นายเกษมอุทธรณ์ทุกสำนวน

               อัยการอุทธรณ์ขอให้เรียงกระทง และลงโทษให้หนัก

               นายทองดีอุทธรณ์ว่าไม่ควรลดโทษให้ 1 ใน 3

               ศาลอุทธรณ์ฟังว่า เช็ค 7 ฉบับนี้ นายเกษมออกให้เพื่อประกันการทำงานก่อสร้างให้นายทองดีเป็นส่วนตัว นายทองดีหาได้จ้างบริษัทนวรัตน์จำกัดทำการก่อสร้างไม่ จึงลงโทษนายเกษมไม่ได้เพราะไม่มีเจตนาชำระหนี้ตามเช็คกันการแจ้งความของนายทองดีจึงเป็นความเท็จและมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 และมาตรา 158 ซึ่งเป็นบทหนัก แต่นายเกษมโจทก์มิได้ขอ อ้างมาตรา 158 คงอ้างแต่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 ซึ่งมีโทษเบากว่าแม้จะอ้างบทผิด ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทที่ถูกต้องได้ แต่ต้องไม่เกินคำขอพิพากษากลับให้จำคุกนายทองดี 1 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173ซึ่งเป็นบทหนัก ให้ยกฟ้องนายทองดีและอัยการ

               นายทองดีและอัยการฎีกา

               ศาลฎีกาคงฟังว่านายเกษมออกเช็คให้เพื่อประกันงานก่อสร้างให้นายทองดี โดยคู่กรณีเข้าใจกันดีว่าจะบังคับการจ่ายเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อมีการคิดบัญชีกันแล้วระหว่างจำนวนเงินในเช็คกับค่าของงานที่ทำเสร็จ ฉะนั้น การที่นายทองดีไปจัดการบังคับให้มีการจ่ายเงินตามเช็คโดยไม่คิดบัญชีหักทอนกันก่อน จึงเป็นการว่ากล่าวเอากับเช็คโดยยังไม่มีอำนาจทำได้ การกระทำของนายเกษมจึงไม่มีความผิดตามฟ้องของนายทองดีและอัยการ

               ส่วนฟ้องของนายเกษมนั้น เมื่อฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า นายทองดีมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118 ส่วนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 มิได้เป็นคุณแก่จำเลย จะลงโทษจำเลยตามมาตรา 173 ไม่ได้
จึงพิพากษาแก้ ให้ลงโทษนายทองดีจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 118 นอกนั้นยืน

...................................................

หมายเหตุ
                พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 ปัจจุบันได้ชำระและแก้ไขใหม่โดยออกเป็นพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ขึ้นแทนแล้ว แต่หลักกฎหมายที่ใช้ประกอบการพิจารณาประเด็นแจ้งความเท็จนั้นยังคงหลักการเดิม

..................................................

หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย ซึ่งหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเข้ามาได้ และช่วยกันเผยแพร่ให้เป็นความรู้แก่บุคคลทั่วไปครับ

ที่ปรึกษากฎหมาย นิติลอว์
#ปรึกษากฎหมาย #เช็ค #แจ้งความเท็จ
 เครดิตภาพประกอบ / Photo : https://unsplash.com/photos/yC-Yzbqy7PY

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น