เมื่อลูกหนี้แพ้คดีและคดีได้ถึงที่สุดแล้ว ลูกหนี้นั้นจึงตกอยู่ในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษา เจ้าหนี้ก็เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถใช้สิทธิ์บังคับคดีเอากับลูกหนี้นั้นได้ภายใน 10 ปี ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วนั้น
แต่เมื่อตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว และเจ้าหนี้ได้ตรวจสอบพบว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินที่บังคับคดีได้ และได้ตั้งเรื่องกับเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดเพื่อการชำระหนี้ ในชั้นนี้ลูกหนี้คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางคนถูกยึดบ้าน บางคนถูกอายัดเงินเดือน เกิดความเดือนร้อนดั่งไฟลน
ซึ่งก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ไปนั้น ก็ยังพอที่จะเจรจากับเจ้าหนี้ได้อยู่ ซึ่งหลายครั้งยังสามารถลดยอดเงินที่ต้องชำระลงได้อีก ซึ่งหากลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปตามที่เจรจาแล้ว ต้องเรียกให้เจ้าหนี้ออกใบเสร็จรับเงิน หรือ หนังสือปลอดภาระหนี้ให้ด้วยเพื่อเป็นหลักฐานพร้อมกับเร่งให้เจ้าหนี้ไปยื่นถอนการบังคับคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
แต่หากเจรจากับเจ้าหนี้ไม่เป็นผล ลูกหนี้ก็สามารถไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อขอทราบยอดหนี้ตามคำพิพากษาและค่าธรรมเนียมในชั้นบังคับคดีได้ เพื่อดูว่ามียอดเงินที่ต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเท่าใด ซึ่งลูกหนี้จะเห็นได้ว่ายอดเงินที่ใดต่ำกว่ากัน ก็เลือกที่จะชำระที่นั้นได้ ซึ่งหากเลือกชำระที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจนครบถ้วนแล้ว ซึ่งรวมไปถึงชำระค่าธรรมเนียมในการถอนการยึดทรัพย์ด้วยแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะมีหนังสือถอนการยึดไปยังเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต่อไป
นี่เป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนที่ลูกหนี้สามารถหาทางออกได้เมื่อถูกบังคับคดีครับ
ให้คำปรึกษาและบริการทางกฎหมายด้วยระบบออนไลน์ โทร.0815709610 Line ID: nitilaw
วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556
อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดแล้วจะต้องทำอย่างไรจึงจะไม่เสี่ยง (คุก)
ปัจจุบันคดีรถยนต์ชนกันนั้นมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นโดยเกิดจากหลายสาเหตุหลายปัจจัย ซึ่งความรับผิดนั้นมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับทั้งทางแพ่งและทางอาญา มาตราสำคัญมี ดังนี้
มาตรา ๒๙๑ ผู้ใดกระทำโดยประมาท
และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา ๗๘
ผู้ใดขับรถหรือขี่หรือควบคุมสัตว์ในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่
บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือผู้ขี่
หรือควบคุมสัตว์หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ หรือสัตว์ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที
กับต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล
และที่อยู่ของตนและหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หลบหนีไปหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ณ สถานที่เกิดเหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำความผิดและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถคันที่ผู้ขับขี่หลบหนีหรือไม่แสดงตนว่าเป็นผู้ขับขี่
จนกว่าคดีถึงที่สุดหรือได้ตัวผู้ขับขี่
ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในหกเดือนนับแต่วันเกิดเหตุ
ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือเกี่ยวกับการกระทำความผิด
และให้ตกเป็นของรัฐ
มาตรา ๔๒๐ ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี
อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี
ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
ดังนี้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วผู้ขับขี่จะต้องเข้าช่วยเหลือและพยายามเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยทันที
และ แจ้งเจ้าหน้าที่ โดยไม่หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ
และเมื่อมีการตกลงเจรจาชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ (หรือชดเชยตามสมควรแก่พฤติการณ์)แล้ว
ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็จะเป็นเหตุบรรเทาโทษทางอาญาได้ ซึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ นั้นไม่ต้องพิจารณาว่าอีกฝ่ายมีส่วนประมาทด้วยหรือไม่
ก็ถือเป็นความผิดได้ ซึ่งหากเป็นกรณีหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ
ไม่แจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อเข้าให้การช่วยเหลือทางการแพทย์ และการเฉี่ยวชนนั้นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เมื่อผู้ขับขี่ถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อศาลแล้วการวางเงินชดเชิญค่าเสียหายอาจไม่ช่วยให้ศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกก็เป็นได้
ดังนี้
การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนจึงต้องใช้ความระมัดระวังให้หนัก และเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วต้องมีน้ำใจต่อกันและทำตามหลักปฏิบัติให้ครบถ้วน
ข้อเท็จจริงนี้จะเป็นไม้เด็ดที่ทนายความใช้กันในการทำคดี
เพื่อขอรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ซึ่งในการทำงานที่ผ่านมาผมเห็นว่าได้ผลจริงๆครับ
นั่งโพสต์อยู่ดีๆอาจมีหมายศาลมาถึงได้
การโพสต์หรือแชร์ข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ต "ให้คนอื่นเห็น"
ต้องพึงระวังเสมอว่าจะเป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายด้วยหรือไม่
ทั้งทางตรงและทางอ้อม
มิฉะนั้นอาจจะกลายเป็นการหมิ่นประมาทหรือละเมิดผู้อื่นได้
เช่น โพสต์ว่า
- โพสต์ว่า เห็นนาย ก.พานางสาว ข. ภรรยาคนอื่นเข้าโรงแรมม่านรูดในเชิงชู้สาว หรือ
- โปรดระวัง บุคคลดังรูปชอบโกงเงิน เป็นต้น
เช่นนี้ จะเห็นได้ว่าบุคคลดังกล่าวย่อมได้รับความเสียหาย
โดยที่ยังไม่ทราบแน่ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่
ซึ่งหากพิสูจน์ในชั้นศาลได้ว่าเป็นเรื่องจริงผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่หากเป็นในเรื่องส่วนตัวของเขาแล้ว
แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตามกฎหมายห้ามที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น
(ห้ามแก้ตัว) จำเลยก็ต้องรับโทษไปตามระเบียบ
แต่หากเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(3) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท เช่น การเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น , การติชมนักการเมืองตามข้อเท็จจริง เป็นต้น
ฉะนั้น ก่อนโพสต์ หรือ แชร์สิ่งใด พึงระลึกเสมอว่าต้องรับผิดชอบในสิ่งนั้นด้วยครับ
วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ถึงมีกรรมสิทธิ์ก็อย่านิ่งดูดาย เพราะถูกแย่งได้อย่างสิทธิ์ครอบครอง
กรรมสิทธิ์
คำนี้ฟังแล้วสำคัญและหนักแน่น
แต่การมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินก็ไม่ได้หมายความว่าจะละเลยไม่ต้องดูแล
กรณีเช่นเดียวกันกับภาระจำยอมซึ่งได้เคยกล่าวไปแล้ว
หากมีผู้อื่นมาครองครองทำประโยชน์โดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของในทรัพย์สินของเรา ในกรณีอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 10 ปี
ในกรณีสังหาริมทรัพย์ ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 ปี
ผู้นั้นจะได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์แทนเจ้าของเดิม ด้วยการครองครองปรปักษ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนา เป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
ประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนา เป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556
มีที่ดินก็ต้องดูและรักษา หากปล่อยปละละเลยอาจต้องช้ำใจ เพราะคำว่า "ภาระจำยอม"
การได้มาซึ่งภาระจำยอมมีหลายรูปแบบ แต่ส่วนมาก
หากไม่ได้มาโดยข้อตกลง ก็จะได้มาโดยการครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ ซึ่ง
กรณีการครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์นั้น เรียกว่าได้ ภาระจำยอมมาโดยอายุความ
เช่น ใช้ที่ดินของผู้อื่นเป็นทางเข้าออกที่ดินของตนเอง หรือ
ใช้เป็นทางเดินท่อน้ำประปา
แนวเสาส่งและสายไฟฟ้าเข้าสู่ที่ดินของตนโดยเปิดเผยเกินกว่า10ปี ทั้งนี้
ต้องไม่ได้ขออนุญาตและได้รับความยินยอมจากของที่ดิน
หรือไม่ได้เป็นการทำโดยถือวิสาสะด้วยความสนิทสนมกับเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น
การครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ดังกล่าว จึงได้ไปซึ่งภาระจำยอม
ภาระจำยอม
เป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะผูกพันอยู่กับตัวทรัพย์
นั้น เพื่อประโยชน์แก่ทรัพย์อื่น และไม่ใช่ทรัพยสิทธิส่วนบุคคล
ดังนั้น
แม้เจ้าของที่ดินที่มีภาระจำยอมจะเปลี่ยนตัวไปกี่ทอดก็ตาม
หากยังคงมีการใช้ประโยชน์จากภาระ จำยอมนั้นอยู่
การเปลี่ยนตัวเจ้าของที่ดินก็ไม่ทำให้ภาระจำยอมสูญสิ้นไป
และเมื่อที่ดินตกเป็นภาระจำยอมแล้ว
ท่านมีสิทธิ์เรียกให้เจ้าของที่ดินที่ตกเป็นภาระจำยอมนั้นไปจดทะเบียนภาระจำ
ยอมลงในเอกสารสิทธิ์ที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานที่สำคัญในการใช้สิทธิ์ได้
(ฎ.3984/2533)https://www.facebook.com/nitilaw.legaladvisors?sk=page_insights§ion=navPosts&subsection=navPostsAllPosts
วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556
กฎหมายเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด
บางท่านอาจมองว่ากฎหมายเป็นเรื่องยุ่งยากและวุ่นวาย แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น
กฎหมาย
เป็นอะไรที่เรียบง่ายมีหลักและมีขั้นตอนการปฏิบัติ
คนเราในสังคมต้องเกี่ยวพันกับกฎหมายตั้งแต่เกิดจนถึงเวลาตายไม่ว่าหลับหรือตื่นทุกคนต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายตลอดเวลา
การที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปนั้นจึงควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องกฎหมายอยู่เสมอ
ผมเป็นเพียงผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมายคนหนึ่ง
ซึ่งมองเห็นว่าการนำประสบการณ์ที่ผ่านมาในการศึกษาและการทำงานออกแบ่งปันในพื้นที่แห่งนี้ น่าจะเป็นประโยชน์แก่สังคมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
ผมจึงขอใช้พื้นที่แห่งนี้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์แก่ทุกท่าน และนอกจากพื้นที่แห่งนี้แล้วผมยังมี Facebook แนะนำให้ท่านได้ติดตามด้วย ที่ https://www.facebook.com/nitilaw.legaladvisors
ผมจึงขอใช้พื้นที่แห่งนี้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์แก่ทุกท่าน และนอกจากพื้นที่แห่งนี้แล้วผมยังมี Facebook แนะนำให้ท่านได้ติดตามด้วย ที่ https://www.facebook.com/nitilaw.legaladvisors
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)