วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ต้องทำอย่างไรเมื่อถูกบังคับคดี

               เมื่อลูกหนี้แพ้คดีและคดีได้ถึงที่สุดแล้ว  ลูกหนี้นั้นจึงตกอยู่ในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษา  เจ้าหนี้ก็เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถใช้สิทธิ์บังคับคดีเอากับลูกหนี้นั้นได้ภายใน 10 ปี ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วนั้น
 
               แต่เมื่อตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว และเจ้าหนี้ได้ตรวจสอบพบว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินที่บังคับคดีได้ และได้ตั้งเรื่องกับเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อยึดเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาดเพื่อการชำระหนี้ ในชั้นนี้ลูกหนี้คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางคนถูกยึดบ้าน  บางคนถูกอายัดเงินเดือน เกิดความเดือนร้อนดั่งไฟลน

               ซึ่งก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้ไปนั้น ก็ยังพอที่จะเจรจากับเจ้าหนี้ได้อยู่ ซึ่งหลายครั้งยังสามารถลดยอดเงินที่ต้องชำระลงได้อีก ซึ่งหากลูกหนี้ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไปตามที่เจรจาแล้ว ต้องเรียกให้เจ้าหนี้ออกใบเสร็จรับเงิน หรือ หนังสือปลอดภาระหนี้ให้ด้วยเพื่อเป็นหลักฐานพร้อมกับเร่งให้เจ้าหนี้ไปยื่นถอนการบังคับคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

               แต่หากเจรจากับเจ้าหนี้ไม่เป็นผล ลูกหนี้ก็สามารถไปยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อขอทราบยอดหนี้ตามคำพิพากษาและค่าธรรมเนียมในชั้นบังคับคดีได้ เพื่อดูว่ามียอดเงินที่ต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเท่าใด ซึ่งลูกหนี้จะเห็นได้ว่ายอดเงินที่ใดต่ำกว่ากัน ก็เลือกที่จะชำระที่นั้นได้ ซึ่งหากเลือกชำระที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจนครบถ้วนแล้ว ซึ่งรวมไปถึงชำระค่าธรรมเนียมในการถอนการยึดทรัพย์ด้วยแล้ว  เจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะมีหนังสือถอนการยึดไปยังเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต่อไป 

               นี่เป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนที่ลูกหนี้สามารถหาทางออกได้เมื่อถูกบังคับคดีครับ

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดแล้วจะต้องทำอย่างไรจึงจะไม่เสี่ยง (คุก)



               ปัจจุบันคดีรถยนต์ชนกันนั้นมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นโดยเกิดจากหลายสาเหตุหลายปัจจัย   ซึ่งความรับผิดนั้นมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับทั้งทางแพ่งและทางอาญา  มาตราสำคัญมี ดังนี้
-ในส่วนความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย  ประมวลกฎหมายอาญา
                                มาตรา ๒๙๑  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

-ในเรื่องความผิดในการขับขี่บนท้องถนน  พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
                                 มาตรา ๗๘  ผู้ใดขับรถหรือขี่หรือควบคุมสัตว์ในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือผู้ขี่ หรือควบคุมสัตว์หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ หรือสัตว์ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที กับต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล และที่อยู่ของตนและหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
                               ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หลบหนีไปหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่เกิดเหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำความผิดและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถคันที่ผู้ขับขี่หลบหนีหรือไม่แสดงตนว่าเป็นผู้ขับขี่ จนกว่าคดีถึงที่สุดหรือได้ตัวผู้ขับขี่ ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในหกเดือนนับแต่วันเกิดเหตุ ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือเกี่ยวกับการกระทำความผิด และให้ตกเป็นของรัฐ

-ในส่วนความรับผิดเรื่องค่าเสียหายต่างๆ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                                มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

               ดังนี้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วผู้ขับขี่จะต้องเข้าช่วยเหลือและพยายามเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยทันที และ แจ้งเจ้าหน้าที่  โดยไม่หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ และเมื่อมีการตกลงเจรจาชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ (หรือชดเชยตามสมควรแก่พฤติการณ์)แล้ว ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็จะเป็นเหตุบรรเทาโทษทางอาญาได้  ซึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ นั้นไม่ต้องพิจารณาว่าอีกฝ่ายมีส่วนประมาทด้วยหรือไม่ ก็ถือเป็นความผิดได้ ซึ่งหากเป็นกรณีหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ ไม่แจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อเข้าให้การช่วยเหลือทางการแพทย์  และการเฉี่ยวชนนั้นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เมื่อผู้ขับขี่ถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อศาลแล้วการวางเงินชดเชิญค่าเสียหายอาจไม่ช่วยให้ศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกก็เป็นได้  ดังนี้ การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนจึงต้องใช้ความระมัดระวังให้หนัก และเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วต้องมีน้ำใจต่อกันและทำตามหลักปฏิบัติให้ครบถ้วน   ข้อเท็จจริงนี้จะเป็นไม้เด็ดที่ทนายความใช้กันในการทำคดี เพื่อขอรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย  ซึ่งในการทำงานที่ผ่านมาผมเห็นว่าได้ผลจริงๆครับ

นั่งโพสต์อยู่ดีๆอาจมีหมายศาลมาถึงได้

               การโพสต์หรือแชร์ข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ต "ให้คนอื่นเห็น" ต้องพึงระวังเสมอว่าจะเป็นการทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายด้วยหรือไม่ ทั้งทางตรงและทางอ้อม มิฉะนั้นอาจจะกลายเป็นการหมิ่นประมาทหรือละเมิดผู้อื่นได้
เช่น โพสต์ว่า
- โพสต์ว่า เห็นนาย ก.พานางสาว ข. ภรรยาคนอื่นเข้าโรงแรมม่านรูดในเชิงชู้สาว หรือ
- โปรดระวัง บุคคลดังรูปชอบโกงเงิน เป็นต้น
เช่นนี้ จะเห็นได้ว่าบุคคลดังกล่าวย่อมได้รับความเสียหาย โดยที่ยังไม่ทราบแน่ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งหากพิสูจน์ในชั้นศาลได้ว่าเป็นเรื่องจริงผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่หากเป็นในเรื่องส่วนตัวของเขาแล้ว แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตามกฎหมายห้ามที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงนั้น (ห้ามแก้ตัว) จำเลยก็ต้องรับโทษไปตามระเบียบ

                แต่หากเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริตในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม
(2) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(3) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ หรือ
(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรม เรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท เช่น การเสนอข่าวตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น , การติชมนักการเมืองตามข้อเท็จจริง เป็นต้น

ฉะนั้น ก่อนโพสต์ หรือ แชร์สิ่งใด พึงระลึกเสมอว่าต้องรับผิดชอบในสิ่งนั้นด้วยครับ

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ถึงมีกรรมสิทธิ์ก็อย่านิ่งดูดาย เพราะถูกแย่งได้อย่างสิทธิ์ครอบครอง

               กรรมสิทธิ์ คำนี้ฟังแล้วสำคัญและหนักแน่น แต่การมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินก็ไม่ได้หมายความว่าจะละเลยไม่ต้องดูแล กรณีเช่นเดียวกันกับภาระจำยอมซึ่งได้เคยกล่าวไปแล้ว หากมีผู้อื่นมาครองครองทำประโยชน์โดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของในทรัพย์สินของเรา ในกรณีอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 10 ปี ในกรณีสังหาริมทรัพย์ ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 ปี ผู้นั้นจะได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์แทนเจ้าของเดิม ด้วยการครองครองปรปักษ์

               ประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนา เป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาสิบปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลาห้าปีไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มีที่ดินก็ต้องดูและรักษา หากปล่อยปละละเลยอาจต้องช้ำใจ เพราะคำว่า "ภาระจำยอม"

                     การได้มาซึ่งภาระจำยอมมีหลายรูปแบบ แต่ส่วนมาก หากไม่ได้มาโดยข้อตกลง ก็จะได้มาโดยการครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ ซึ่ง กรณีการครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์นั้น เรียกว่าได้ ภาระจำยอมมาโดยอายุความ เช่น ใช้ที่ดินของผู้อื่นเป็นทางเข้าออกที่ดินของตนเอง หรือ ใช้เป็นทางเดินท่อน้ำประปา แนวเสาส่งและสายไฟฟ้าเข้าสู่ที่ดินของตนโดยเปิดเผยเกินกว่า10ปี ทั้งนี้ ต้องไม่ได้ขออนุญาตและได้รับความยินยอมจากของที่ดิน หรือไม่ได้เป็นการทำโดยถือวิสาสะด้วยความสนิทสนมกับเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น การครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ดังกล่าว จึงได้ไปซึ่งภาระจำยอม

                     ภาระจำยอม เป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะผูกพันอยู่กับตัวทรัพย์ นั้น         เพื่อประโยชน์แก่ทรัพย์อื่น และไม่ใช่ทรัพยสิทธิส่วนบุคคล ดังนั้น แม้เจ้าของที่ดินที่มีภาระจำยอมจะเปลี่ยนตัวไปกี่ทอดก็ตาม หากยังคงมีการใช้ประโยชน์จากภาระ จำยอมนั้นอยู่ การเปลี่ยนตัวเจ้าของที่ดินก็ไม่ทำให้ภาระจำยอมสูญสิ้นไป และเมื่อที่ดินตกเป็นภาระจำยอมแล้ว ท่านมีสิทธิ์เรียกให้เจ้าของที่ดินที่ตกเป็นภาระจำยอมนั้นไปจดทะเบียนภาระจำ ยอมลงในเอกสารสิทธิ์ที่ดินเพื่อเป็นหลักฐานที่สำคัญในการใช้สิทธิ์ได้ 
(ฎ.3984/2533)

https://www.facebook.com/nitilaw.legaladvisors?sk=page_insights&section=navPosts&subsection=navPostsAllPosts

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กฎหมายเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด

                บางท่านอาจมองว่ากฎหมายเป็นเรื่องยุ่งยากและวุ่นวาย แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น  
กฎหมาย เป็นอะไรที่เรียบง่ายมีหลักและมีขั้นตอนการปฏิบัติ คนเราในสังคมต้องเกี่ยวพันกับกฎหมายตั้งแต่เกิดจนถึงเวลาตายไม่ว่าหลับหรือตื่นทุกคนต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายตลอดเวลา  การที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดลงไปนั้นจึงควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องกฎหมายอยู่เสมอ
           
                ผมเป็นเพียงผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมายคนหนึ่ง ซึ่งมองเห็นว่าการนำประสบการณ์ที่ผ่านมาในการศึกษาและการทำงานออกแบ่งปันในพื้นที่แห่งนี้ น่าจะเป็นประโยชน์แก่สังคมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย 
ผมจึงขอใช้พื้นที่แห่งนี้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์แก่ทุกท่าน  และนอกจากพื้นที่แห่งนี้แล้วผมยังมี  Facebook แนะนำให้ท่านได้ติดตามด้วย  ที่ https://www.facebook.com/nitilaw.legaladvisors