วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดแล้วจะต้องทำอย่างไรจึงจะไม่เสี่ยง (คุก)



               ปัจจุบันคดีรถยนต์ชนกันนั้นมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นโดยเกิดจากหลายสาเหตุหลายปัจจัย   ซึ่งความรับผิดนั้นมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับทั้งทางแพ่งและทางอาญา  มาตราสำคัญมี ดังนี้
-ในส่วนความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย  ประมวลกฎหมายอาญา
                                มาตรา ๒๙๑  ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

-ในเรื่องความผิดในการขับขี่บนท้องถนน  พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒
                                 มาตรา ๗๘  ผู้ใดขับรถหรือขี่หรือควบคุมสัตว์ในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือผู้ขี่ หรือควบคุมสัตว์หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ หรือสัตว์ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร และพร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที กับต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล และที่อยู่ของตนและหมายเลขทะเบียนรถแก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
                               ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์หลบหนีไปหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่เกิดเหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำความผิดและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถคันที่ผู้ขับขี่หลบหนีหรือไม่แสดงตนว่าเป็นผู้ขับขี่ จนกว่าคดีถึงที่สุดหรือได้ตัวผู้ขับขี่ ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในหกเดือนนับแต่วันเกิดเหตุ ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิดหรือเกี่ยวกับการกระทำความผิด และให้ตกเป็นของรัฐ

-ในส่วนความรับผิดเรื่องค่าเสียหายต่างๆ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                                มาตรา ๔๒๐  ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

               ดังนี้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วผู้ขับขี่จะต้องเข้าช่วยเหลือและพยายามเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยทันที และ แจ้งเจ้าหน้าที่  โดยไม่หลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ และเมื่อมีการตกลงเจรจาชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ (หรือชดเชยตามสมควรแก่พฤติการณ์)แล้ว ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็จะเป็นเหตุบรรเทาโทษทางอาญาได้  ซึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ นั้นไม่ต้องพิจารณาว่าอีกฝ่ายมีส่วนประมาทด้วยหรือไม่ ก็ถือเป็นความผิดได้ ซึ่งหากเป็นกรณีหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ ไม่แจ้งเหตุให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อเข้าให้การช่วยเหลือทางการแพทย์  และการเฉี่ยวชนนั้นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เมื่อผู้ขับขี่ถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อศาลแล้วการวางเงินชดเชิญค่าเสียหายอาจไม่ช่วยให้ศาลพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกก็เป็นได้  ดังนี้ การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนจึงต้องใช้ความระมัดระวังให้หนัก และเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วต้องมีน้ำใจต่อกันและทำตามหลักปฏิบัติให้ครบถ้วน   ข้อเท็จจริงนี้จะเป็นไม้เด็ดที่ทนายความใช้กันในการทำคดี เพื่อขอรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย  ซึ่งในการทำงานที่ผ่านมาผมเห็นว่าได้ผลจริงๆครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น