ในปัจจุบันสังคมเรา
มีทั้งผู้ที่ยึดถือเพศตามธรรมชาติของตน
และที่แสดงออกอย่างเพศตรงกันข้ามกับธรรมชาติของตน ตลอดจนผู้ที่แปลงเพศแล้ว
ได้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน
ที่สาธารณะ แต่บ่อยครั้งที่เรายังได้ยินข่าวการเรียกร้องจากบุคคล
หรือกลุ่มสิทธิต่างๆ
ให้มีการปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม
ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่ทางรัฐเห็นความสำคัญจึงได้ออกกฎหมายฉบับ
ใหม่ขึ้นมา คือ พระราชบัญญัติ ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘
และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๘
ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วัน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
โดยเหตุผลในการออกกฎหมายฉบับนี้ คือ
โดยที่ปัจจุบันไม่มีมาตรการป้องกันการเลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศที่ชัดเจน
ส่งผลให้บุคคลซึ่งถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
ไม่ได้รับความคุ้มครองและไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร
สมควรมีกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้ถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
ระหว่างเพศ และป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชนสากลตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศ
ไทยเข้าเป็นภาคี
นอกจากนั้นในกฎหมายฉบับนี้
ได้นิยมความหมายของการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศไว้ด้วย
โดยหมายความว่า “การกระทำ หรือ ไม่กระทำการใดอันเป็นการ แบ่งแยก กีดกัน
หรือจำกัด สิทธิประโยชน์ใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
โดยปราศจากความชอบธรรม เพราะเหตุที่บุคคลนั้นเป็นเพศชายหรือเพศหญิง
หรือมีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดยกำเนิด”
เมื่อกฎหมายฉบับนี้มีผลใช้บังคับ
ก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่เห็นว่าตนไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่า
เทียมและเป็นธรรมโดยสาเหตุมาจากเพศของตนหรือที่ตนได้แสดงออก
โดยผู้นั้นยังไม่ได้มีการใช้สิทธิ์ดำเนินคดีทางศาลไว้ก่อนแล้ว
ก็สามารถยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็น
ธรรมระหว่างเพศ เรียกโดยย่อว่า “คณะกรรมการ วลพ.” ได้
เพื่อให้คณะกรรมการดังกล่าวได้วินิจฉัยถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่าเป็นการกระทำ
ที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศหรือไม่ โดยหากเป็นจริง คณะกรรมการ วลพ.
มีอำนาจกำหนดการชดเชยและเยียวยาให้แก่ผู้เสียหายได้ และหากคณะกรรมการ
วลพ.มีคำสั่งให้เยียวยาแล้วแต่ผู้รับคำสั่งไม่ยอมปฏิบัติตามก็จะมีโทษทาง
อาญา
กฎหมายฉบับนี้ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจอยู่อีกมาก เชิญเข้าไปศึกษาได้ตามไฟล์ที่แนบมาครับ
ที่มากฎหมาย http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/018/17.PDF
หวังว่าจะเป็นความรู้แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย
ซึ่งหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเข้ามาได้
และช่วยกันเผยแพร่ให้เป็นความรู้แก่บุคคลทั่วไปครับ
ที่ปรึกษากฎหมาย นิติ ลอว์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น