วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) สร้างความน่าเชื่อถือได้ง่ายๆโดยไม่ต้องแสดงบัตรประชาชน


   จบไปด้วยดีกับกรณีพ่อค้าประดับยนต์ที่ถูกมิจฉาชีพหลอกให้ส่งมอบภาพถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและนำไปสู่การฉ้อฉลต่างๆ จนเป็นเหตุให้เงินในบัญชีของเขาต้องสูญไป  โดยกว่าที่ทางธนาคารจะตกลงยอมคืนเงินให้ก็ต้องมีการป่าวประกาศไปยังที่ต่างๆจนเกิดแรงกระเพิ่มของสังคมมากดดันให้ทางธนาคารต้องออกมารับผิดชอบ ซึ่งเท่าทราบกรณีของพ่อค้ารายนี้นั้นไม่ใช่กรณีแรก และเรื่องแบบนี้ก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง 




             ที่นี้เรามาลองค่อยๆคิดดูกันว่า อะไรคือสาเหตุที่มิจฉาชีพมองเห็นช่องทางทำกิน(บนหลังคนดี)

             ในเบื้องต้นเราเห็นแล้วว่า คนร้ายแฝงตัวทำทีโทรมาคุยเพื่อขอซื้อสินค้า  ซึ่งเราก็พ่อค้าธรรมดาๆ อยากขายสิ้นค้าออกไป จึงเจรจาเรื่องการซื้อขายกัน  จากนั้นคนร้ายก็ให้ยืนยันตัวบุคคล โดยวิธีการส่งสำเนาบัตรประชาชนไปให้ ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมทำกัน คนร้ายจึงได้รับสำเนาเอกสารประจำตัวของเราไปในขั้นตอนนี้เอง  แล้วก็ไปใช้ช่องทางต่างๆจนได้เงินจากบัญชีธนาคารของพ่อค้ารายนี้ไปจำนวนมาก

                 จุดผิดพลาดอยู่ตรงไหนครับ ? 

               จุดผิดพลาดอยู่ที่ การส่งมอบสำเนา(ภาพถ่าย)บัตรประจำตัวประชาชนนั้นเอง  ซึ่งวิธีนี้ ผมได้แนะนำผู้ประกอบการออนไลน์ที่ผมดูแลอยู่ว่า"ห้ามทำเด็ดขาด" เพราะอาจตกไปเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ง่ายๆ   ซึ่งแน่นอนครับว่า เมื่อที่ปรึกษากฎหมายบอกว่าไม่ควรทำ ย่อมมีคำถามตามกลับมาเสมอว่า  “ถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อถือได้และปลอดภัยไม่เสี่ยงถูกหลอกลวง”  

               "วิธีในเบื้องต้นที่ผมจะแนะนำ"

               หากกิจการของท่านได้ทำขึ้นแบบเป็นจริงเป็นจังแล้ว ก็ต้องทำตัวให้ถูกกฎหมายด้วย นั้นก็คือ ไปจดทะเบียนการค้า(จดทะเบียนพาณิชย์ )เสียให้ถูกต้องครับ  

               จากที่เล่ามาถึงตอนนี้ ผู้รับบริการบางท่านก็พอเข้าใจ บางท่านก็ยัง งง ๆ   ว่าความน่าเชื่อถือมันเกี่ยวอะไรกันกับเรื่องทะเบียนพาณิชย์   

               "เกี่ยวสิครับ"  เกี่ยวมากๆด้วย ก็เพราะ ผู้ที่ทำการค้าไม่ว่าจะมีหน้าร้านจริงๆหรือเป็นแบบหน้าร้านเสมือนจริง ซึ่งอยู่ในโลกออนไลน์นั้น สิ่งสำคัญที่สุดประการหนึ่งของการทำการค้าขายก็คือ ความน่าเชื่อถือ  โดยในประเด็นนี้ผมคงไม่ต้องอธิบายต่อนะครับเพราะคนทำการค้าย่อมทราบดี    

                แล้วการจดทะเบียนพาณิชย์   จะช่วยให้เรามีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร ?

               ช่วยได้แน่นอนครับ   แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ผมขอทำความเข้าใจกับทุกท่านก่อนครับว่า  พ่อค้าแม่ขายทั้งหลาย ไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ ที่ค้าขายอยู่บนโลกออนไลน์ หรือ ที่เรียกว่า E-Commerce นั้น  และมีที่ตั้งสำนักงานอยู่ในประเทศไทย  ถือว่าเป็นผู้ประกอบพาณิชยกิจทุกคนและต้องจดทะเบียนพาณิชย์ด้วย   ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ผู้ประกอบพาณิชยกิจต้องจดทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2553 (ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน2553)    และถ้าผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน  2,000 บาท และปรับรายวันเพิ่มอีกไม่เกินวันละ 100 บาท จนกว่าจะจดทะเบียนให้ถูกต้อง ดังนั้น อย่างน้อยเมื่อคุณคิดทำการค้าแบบจริงจังแล้ว ก็ต้องไปจดทะเบียนพาณิชย์ เสียให้ถูกต้องนะครับ  

               ประการต่อมาที่ว่าการจดทะเบียนพาณิชย์   จะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับ E-Commerce  ได้อย่างไรนั้น  ผมขออธิบายดังนี้   ในการทำการค้าแบบปกติที่มีหน้าร้านหรือที่ตั้งสำนักงานเป็นอาคารสถานที่จริงๆนั้น   ลูกค้าย่อมเข้าถึงและตรวจสอบตัวตนของผู้ประกอบการได้โดยง่าย   แต่ E-Commerce  นั้นมีกลุ่มลูกค้าได้จากหลายทาง และอาจอยู่ห่างไกลกันมากๆ โดยอาศัยการเชื่อมโยงระบบอินเทอร์เน็ทเข้าด้วนกัน ทำให้ฐานลูกค้ากว้างขึ้น ซึ่งเป็นจุดดีของการการค้าแบบ E-Commerce   แต่ในเวลาเดียวกันสิ่งนี้ก็เป็นจุดด้อยของ E-Commerce   ด้วยเช่นกัน  เนื่องจากขาดความน่าเชื่อถือนั่นเอง  เพราพเหมือนไม่มีตัวตนให้จับต้องได้  ตรงนี้หละครับที่ทะเบียนพาณิชย์เข้ามามีบทบาทและทำให้กิจการของคุณมีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น  เพราะลูกค้าจะสามารถตรวจสอบการมีตัวตนของ E-Commerce  รายนี้ได้โดยง่ายจากทะเบียนพาณิชย์นั้นเอง    และนอกจากนี้  หาก E-Commerce    รายใดได้จะทะเบียนพาณิชย์ ถูกต้องแล้วก็มีสิทธิ์ที่จะขอรับเครื่องหมาย  DBD Registered     ได้อีกด้วย โดยนำเครื่องหมาย  DBD Registered    มาแสดงในหน้าร้านค้าออนไลน์ของตน เพื่อเป็นการยืนยันตัวบุคคลได้เป็นอย่างดียิ่งขึ้นไปอีก   ซึ่งผมกลับเห็นว่าจะมีความน่าเชื่อถือเสียยิ่งกว่าภาพบัตรประจำตัวประชาชนอีกด้วยครับ 

                การจดทะเบียนพาณิชย์ยากหรือไม่ ?

             วิธีการนั้นง่ายแสนง่ายและสะดวกรวดเร็ว ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองครับ       ทั้งนี้ ดูที่ว่าที่ตั้งสำนักงานของท่านตั้งอยู่ที่ใดก็ไปจดที่นั่น เช่น  อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครก็ สามารถยื่นขอจดทะเบียนได้ที่ ฝ่ายปกครองสำนักงานเขตท้องที่ หรือ ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร  ส่วนผู้ประกอบการที่อยู่ต่างจังหวัด สามรถยื่นขอจดทะเบียนได้ที่  เทศบาล  องค์การบริหารส่วนตำบล หรือ เมืองพัทยา เป็นต้น 

               กิจการ E-Commerce ที่ต้องจดทะเบียนมีดังนี้ครับ
  1.  กิจการซื้อ/ขายสินค้าหรือให้บริการโดยใช้สื่ออีเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ท   เช่น ร้านค้าในเว็บไซต์สื่อกลางการติดต่อซื้อ / ขาย(E-Marketplace)  หรือร้านค้าในสังคมออนไลน์ (Social Media) เป็นต้น
  2. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ท  ( Internet Service Provider : ISP)
  3. ผู้ให้เช่าพื้นที่ของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Web Hosting)
  4. ผู้ให้บริการตลาดกลางในการซื้อ/ขายสินค้าโดยผ่านระบบอิทเทอร์เน็ท (E-Marketplace) 


          เมื่อผู้ประกอบการ E-Commerce ได้จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ก็มีสิทธิยื่นขอรับเครื่องหมาย  DBD Registered ดังที่กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้  เพื่อยืนยันการมีตัวตนของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แล้วนั้นเอง

              เพียงเท่านี้ร้านค้าของท่านก็จะมีความน่าเชื่อถือได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกมิจฉาชีพหลอกลวงได้ง่ายๆอีกต่อไป และที่สำคัญยังเป็นการทำถูกกฎหมายอีกด้วยครับ


ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อง ทะเบียนพาณิชย์ (บุคลธรรมดา/นิติบุคคล)

ศึกษาข้อมูล การขอรับเครื่องหมาย DBD Registered

              หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย ซึ่งหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเข้ามาได้ และช่วยกันเผยแพร่ให้เป็นความรู้แก่บุคคลทั่วไปครับ

ที่ปรึกษากฎหมาย นิติ ลอว์


#ทนายความ
#ปรึกษากฎหมาย #ซื้อขายออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น