เรื่องนี้เป็นกรณีสำคัญที่เจ้าหนี้ต้องพึงระมัดระวัง มิเช่นนั้นหลักประกันที่เจ้าหนี้เคยยึดถือไว้จะไม่อาจใช้สิทธิ์บังคับเอากับผู้ค้ำประกันได้ครับ
ให้คำปรึกษาและบริการทางกฎหมายด้วยระบบออนไลน์ โทร.0815709610 Line ID: nitilaw
วันอังคารที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2557
ประนีประนอมโดยไม่เรียกผู้ค้ำประกันมาร่วมด้วย เจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้องกับผู้ค้ำประกันไม่ได้
การทำสัญญาประนีประนอมยอมความคื อการผ่อนปรนสิทธิที่มีต่อกันอยู ่เดิม แล้วมายึดถือสิทธิตามสัญญาประนี ประนอมยอมความที่ทำขึ้นใหม่แทน และด้วยการสละสิทธิที่มีอยู่เดิ มนี้ข้อเรียกร้องต่างๆที่มีอยู่ เดิมนั้นจึงสิ้นผลตามไป ซึ่งรวมถึงสัญญาค้ำประกันด้วย ดังนั้น หากในสัญญาเดิมมีผู้ค้ำประกันแต ่เจ้าหนี้ไม่เรียกให้ผู้ค้ำประก ันเข้ามาทำสัญญาประนีประนอมยอมค วามด้วยแล้ว สัญญาประนีประนอมนั้นจึงไม่ผูกพ ันผู้ค้ำประกัน
เรื่องนี้เป็นกรณีสำคัญที่เจ้าหนี้ต้องพึงระมัดระวัง มิเช่นนั้นหลักประกันที่เจ้าหนี้เคยยึดถือไว้จะไม่อาจใช้สิทธิ์บังคับเอากับผู้ค้ำประกันได้ครับ
เรื่องนี้เป็นกรณีสำคัญที่เจ้าหนี้ต้องพึงระมัดระวัง มิเช่นนั้นหลักประกันที่เจ้าหนี้เคยยึดถือไว้จะไม่อาจใช้สิทธิ์บังคับเอากับผู้ค้ำประกันได้ครับ
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557
ลายน้ำบนภาพ และ การแชร์ภาพบนโซเชียลมีเดียกับประเด็นการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพ
เริ่มแรกที่ผมได้รับคำถามมา เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ในภาพถ่า ยซึ่งได้มีการนำขึ้นโพสต์กั นในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆอ ย่างเปิดเผย ผมเลยตั้งใจว่าจะพูดในเรื่อ งลิขสิทธิ์ภาพแบบครอบคลุมตั ้งแต่เริ่มต้นจนจบ แต่เนื่องจากยิ่งเขียนยิ่งย าวเกรงจะไม่อ่านกัน ในครั้งนี้จึงขอพูดถึงเพียง ประเด็นที่ถามมาเท่านั้นแล้ วในครั้งต่อๆไปจะนำในส่วนอื ่นมาเพิ่มเติมให้ครับ
คำถามมีว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องลงลา
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ถ

ทีนี้มาถึงเรื่องการแชร์ภาพ เนื่องจากหลายโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ Facebook มีคำสั่ง “แชร์” ซึ่งสามารถส่งต่อภาพของเราโดยผู้ใช้งาน Facebook คนอื่นได้ การแชร์ไปยังหน้าเพจต่างๆนั้นเป็นการเผยแพร่ตามกฎหมาย จะมีความผิดหรือไม่ ผมเห็นว่าไม่ผิด เพราะเป็นการให้อนุญาตไว้ล่วงหน้า หรือ โดยปริยายแล้ว อีกทั้ง การแชร์ คือส่วนสำคัญของ โซเชียลมีเดียสังคมที่เน้นการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารต่างๆ และเจ้าของภาพยังต้องยอมรับเงื่อนไขของการแบ่งปันข้อมูลนี้ก่อนที่จะลงทะเบียนเข้าใช้ระบบครั้งแรกและยังมีที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่เป็นระยะๆด้วย อีกทั้งการแชร์ไปนั้นระบบจะระบุที่มาของภาพว่ามาจาก Facebook ของใคร ไม่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าผู้แชร์เป็นเจ้าของภาพ แต่ถ้ามีการทำซ้ำภาพ และหรือ แก้ไขภาพทั้งหมดหรือแต่งส่วนหนึ่งส่วนใด แล้วนำไปโพสต์อ้างว่าเป็นภาพของตน หรือนำไปเผยแพร่โดยเจตนาให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นผลงานของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางการค้า หรือการสนับสนุนการค้าหรือหากำไร เช่นนี้ เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ชัดเจน มีความผิดตามกฎหมายและ เรียกค่าเสียหายได้ครับ แต่ถึงแม้จะมีการยินยอมอยู่ในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม การที่จะนำภาพของผู้อื่นไปใช้หรือเผยแพร่ต่อก็ควรแจ้งให้เจ้าของภาพได้ทราบ หรือให้เครดิตเจ้าของภาพไว้ด้วย จะได้ไม่ต้องมีปัญหากันภายหลังครับ
วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557
ผู้เสียหายในคดีอาญากับมาตรา 44/1
หลายท่านคงเคยได้ยินได้ฟังมาบ้า งเกี่ยวกับเรื่องของประมวลวิ ธีพิจารณาความอาญา มาตรา44/ 1 ว่าคือการที่ผู้เสียหายในคดีอาญาใช้ สิทธิ์ยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้ นที่พิจารณาคดีอาญานั้น เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย อันเป็นสินไหมทดแทนจากจำเลยในคด ี เพราะเหตุที่ได้กระทำความผิดขึ้ นทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสีย หายต่างๆตามที่กฎหมายได้กำหนดไว ้ ซึ่งกรณีประมวลวิ ธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/ 1 นี้ เป็นการใช้สิทธิเรียกค่าเสียหายทางหนึ่งโด ยไม่ต้องนำเรื่องไปฟ้องจำเลยเป็ นคดีแพ่งขึ้นต่างหากอีก เมื่อยื่นคำร้องแล้วศาลที่พิจาร ณาคดีอาญาก็จะมีอำนาจพิจารณาควา มเสียหายในส่วนแพ่งให้แก่ผู้เสี ยหายได้ในคราวเดียวกันไปและสามา รถมีคำพิพากษาในส่วนแพ่งนี้ไปพร ้อมกันกับคดีอาญาได้ แต่ต้องไม่ใช่กรณีที่พนักงานอัย การได้ใช้สิทธิเรียกทรัพย์สินหร ือราคาแทนผู้เสียหาย ตามประมวลวิ ธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ไว้แล้ว ซึ่งผู้เสียหายจะยื่นคำร้องเรียกเอา ทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินอีกไ ม่ได้
โดยผู้เสียหายจะต้องยื่นคำร้องข
เมื่อศาลรับคำร้องของผู้เสียหาย
วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557
ซื้อขายสินค้า "บนอินเตอร์เน็ต" ถูกโกง ฟ้องได้หรือไม่
เป็นอีกหนึ่งคำถามที่มีผู้สอบถามเข้ามาครับ ว่าตนได้สั่งซื้อสินค้าจากผู้ขายซึ่งได้ประกาศขายสินค้าอยู่ในบอร์ดซื้อขาย สินค้าของเว็บไซต์แห่งหนึ่ง โดยผู้ซื้อได้ชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารให้แก่ผู้ประกาศขายสินค้าดังกล่าวตาม ที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว แต่ผู้ประกาศขายสินค้ากลับไม่ส่งสินค้ามาให้ ผู้ซื้อได้ติดตามสอบถามทางโทรศัพท์ และได้ตั้งกระทู้ในห้องไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของเว็บไว้ซต์ข้างต้นหลายวันแล้ว ก็ไม่มีความคืบหน้า ผู้ประกาศขายอ้างต่างๆนาๆและสรุปว่าให้ยกเลิกการซื้อขายและขอให้คืนเงินที่ รับไปเต็มจำนวน แต่เวลาได้ล่วงเลยมานานผู้ซื้อก็ไม่ได้รับเงินคืนกลับมาเสียที เช่นนี้จะฟ้องได้หรือไม่
เรื่องการซื้อขายสินค้ากันบนบอร์ดซื้อขายสินค้าออนไลน์นั้นไม่ต่างกับการ ซื้อขายสินค้ากับแบบปกติกครับ กฎหมายที่ใช้ก็บทเดียวกัน แต่จะมีข้อกฎหมายเพิ่มเติมขึ้นมาอีก เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส์ พ.ศ.2544 ซึ่งจะกำหนดให้การซื้อขายตลอดจนข้อตกลงที่ทำขึ้นในรูปแบบอิเลกทรอนิกส์นั้น เสมือนเป็นข้อมูลในรูปแบบเอกสาร กำหนดเรื่องวิธีการรับฟังพยานหลักฐานที่อยู่ในรูปแบบอิเลกทรอนิกส์เพื่อเป็น หลักฐานที่สามารถอ้างในการดำเนินคดีได้ และกำหนดวิธีการรับรองการรับส่งข้อมูลทางอิเลกทรอนิกส์ การลงชื่อเข้าระบบด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเป็นดั่งเสมือนลายมือชื่อของคน ปกติ ทั้งนี้ เพื่อใช้เป็นการยืนยันตัวบุคคลที่ทำธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส์นั้นได้ ดังนี้ การทำธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส์เมื่อมีข้อโต้แย้งกันเกิดขึ้นจึงสามารถฟ้อง ร้องดำเนินคดีกันได้ครับ
แต่ก่อนจะทำการซื้อขายสินค้ากันจึงควรทำการตรวจสอบข้อมูลของคู่สัญญาตลอดจน สินค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และท่านอาจใช้บริการคนกลางการซื้อขายสินค้าเพื่มเติมขึ้นอีกชั้นหนึ่งด้วยก็ ได้ เพื่อที่จะลดโอกาสที่จะต้องมาดำเนินคดีกันในภายหลังครับ
วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557
บนโลกอินเตอร์เน็ตแม้เจตนาดีก็ต้องมีขอบเขตนะครับ
จากครั้งก่อนที่ผมได้กล่าวถึงการโพสต์ข้อความบทอินเตอร์เน็ต ในหัวข้อ
“นั่งโพสต์อยู่ดีๆอาจมีหมายศาลมาถึงได้”
โดยเตือนให้พึงระวังถึงข้อกฎหมายเรื่องหมิ่นประมาทไว้ด้วยก่อนที่จะลงมือ
โพสต์หรือแชร์สิ่งใดต่อๆกันไปอีก รายละเอียดตามลิ้งค์http://nitilawlegaladvisors.blogspot.com/2013/08/blog-post_23.html ซึ่งก็ได้มีข้อสอบถามเข้ามาพอสมควรไม่ว่าจะโพสต์ลง เฟสต์บุ๊ค หรือ
เว็ปเพจ ต่างๆ
โดยได้รับการสอบถามและมีการขยายความถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากหลายๆท่าน
ต่อเนื่องมาตลอด คำถามที่ได้รับมาสรุปความได้ คือ
สิ่งที่โพสต์หรือแชร์ไปนั้น จะผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่
เอาเป็นว่าวันนี้มาลองยกตัวอย่างเพิ่มเติมกันอีกสักเรื่องซึ่งพบเห็นอยู่
บ่อยครั้งบนหน้าฟีดข่าวบนเฟสต์บุ๊ค
ประเด็นวันนี้คือ การแชร์ข้อความเตือนภัยต่างๆที่เกิดจากการกระทำของบุคคล ว่ามีพฤติการณ์ที่ไม่ดี เป็นอันตราย โดย ลงรูปภาพบุคคล หรือรายละเอียดของบุคคลนั้นประกอบด้วย ตัวอย่างเช่น มีโพสต์อ้างว่าเตือนภัยคนในภาพไปกระทำการลักทรัพย์ของบุคคลอื่นมา ไปทำร้ายคนอื่นมา เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว โดยอาจจะมีรายละเอียด ชื่อ-สกุล ที่อยู่ หรือไม่ก็ตาม ที่แน่ๆบุคคลในภาพนั้นก็ได้รับความเสียหายเสียแล้วทั้งๆที่ เราก็ไม่รู้หลอกว่าความจริงแล้วคนในภาพจะกระทำสิ่งที่ปรากฏตามข้อความนั้น จริงหรือไม่ แต้ด้วยความจิตใจดีของคนไทยเรา มีความเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นเสมอ ด้วยเจตนาดีเลยกดแชร์โพสต์ดังกล่าวต่อเนื่องกันไป (บางครั้งก็มีมือบอนร่วมด้วย) ยิ่งทำให้บุคคลในภาพได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น ทั้งๆขณะที่กดแชร์ไปนั้นท่านก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
บางท่านอ่านมาถึงตรงนี้อาจนึกแย้งว่าถ้าเป็นจริงหละ สิ่งที่โพสต์เป็นเรื่องจริงหละ? จะไม่เป็นการดีกว่าหรือถ้ามีการแจ้งเตือนกันไว้ก่อน ประเด็นนี้พูดกันมาเยอะ สู้คดีกันมาก็มาก(หากโพสต์นั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัวก็สามารถนำสืบต่อสู้คดี ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวกฎหมายห้ามนำสืบต่อสู้คดีในข้อเท็จจริงนี้เลย) กฎหมายไม่ประสงค์ให้ใช้วิธีการตาต่อตาฟันต่อฟันเพื่อแก้แค้นเอาคืนกัน กฎหมายจึงกำหนดให้ไปดำเนินคดีเอาผิดและลงโทษ ตามกติกาของสังคมซึ่งมีวิธีการและบทลงโทษอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อไม่ให้สังคมต้องยุ่งเหยิง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นจริงต้องไปแจ้งความดำเนินคดีจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
การแชร์โพสต์ต่อๆกันไปก็เท่ากับว่าท่านได้ทำการเผยแพร่ข้อความอันทำให้ผู้ อื่นได้รับความเสียหาย อาจเป็นความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตลอดจนเป็นการละเมิดทางแพ่งซึ่งท่านอาจถูกเรียกค่าเสียหายได้ ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องด้วยเลย
เตือนใจสักนิดก่อนคิดแชร์สิ่งใดครับ
ประเด็นวันนี้คือ การแชร์ข้อความเตือนภัยต่างๆที่เกิดจากการกระทำของบุคคล ว่ามีพฤติการณ์ที่ไม่ดี เป็นอันตราย โดย ลงรูปภาพบุคคล หรือรายละเอียดของบุคคลนั้นประกอบด้วย ตัวอย่างเช่น มีโพสต์อ้างว่าเตือนภัยคนในภาพไปกระทำการลักทรัพย์ของบุคคลอื่นมา ไปทำร้ายคนอื่นมา เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว โดยอาจจะมีรายละเอียด ชื่อ-สกุล ที่อยู่ หรือไม่ก็ตาม ที่แน่ๆบุคคลในภาพนั้นก็ได้รับความเสียหายเสียแล้วทั้งๆที่ เราก็ไม่รู้หลอกว่าความจริงแล้วคนในภาพจะกระทำสิ่งที่ปรากฏตามข้อความนั้น จริงหรือไม่ แต้ด้วยความจิตใจดีของคนไทยเรา มีความเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นเสมอ ด้วยเจตนาดีเลยกดแชร์โพสต์ดังกล่าวต่อเนื่องกันไป (บางครั้งก็มีมือบอนร่วมด้วย) ยิ่งทำให้บุคคลในภาพได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น ทั้งๆขณะที่กดแชร์ไปนั้นท่านก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
บางท่านอ่านมาถึงตรงนี้อาจนึกแย้งว่าถ้าเป็นจริงหละ สิ่งที่โพสต์เป็นเรื่องจริงหละ? จะไม่เป็นการดีกว่าหรือถ้ามีการแจ้งเตือนกันไว้ก่อน ประเด็นนี้พูดกันมาเยอะ สู้คดีกันมาก็มาก(หากโพสต์นั้นไม่ใช่เรื่องส่วนตัวก็สามารถนำสืบต่อสู้คดี ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวกฎหมายห้ามนำสืบต่อสู้คดีในข้อเท็จจริงนี้เลย) กฎหมายไม่ประสงค์ให้ใช้วิธีการตาต่อตาฟันต่อฟันเพื่อแก้แค้นเอาคืนกัน กฎหมายจึงกำหนดให้ไปดำเนินคดีเอาผิดและลงโทษ ตามกติกาของสังคมซึ่งมีวิธีการและบทลงโทษอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อไม่ให้สังคมต้องยุ่งเหยิง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นจริงต้องไปแจ้งความดำเนินคดีจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
การแชร์โพสต์ต่อๆกันไปก็เท่ากับว่าท่านได้ทำการเผยแพร่ข้อความอันทำให้ผู้ อื่นได้รับความเสียหาย อาจเป็นความผิดทางอาญาฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตลอดจนเป็นการละเมิดทางแพ่งซึ่งท่านอาจถูกเรียกค่าเสียหายได้ ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องด้วยเลย
เตือนใจสักนิดก่อนคิดแชร์สิ่งใดครับ
เหตุเนื่องจากการกดเงินผ่านบัตรเครดิต/อายุความ/โอนสิทธิเรียกร้อง
เบื้องต้นคงต้องทำความเข้าใจกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3101/2551
ที่โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยทั้งสองเบิกถอนเงินสดล่วงห
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7610/2549
การที่จำเลยเปิดบัญชีเงินฝากกระ
ประการต่อมาก็เรื่องการโอนสิทธิ
คำตอบคือสามารถทำได้ครับแต่มีเง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 303 สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าจะพึง
ความที่กล่าวมานี้ย่อมไม่ใช้บัง
..............................
มาตรา 306 การโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เ
ถ้าลูกหนี้ทำให้พอแก่ใจผู้โอนด้
..............................
มาตรา 308 ถ้าลูกหนี้ได้ให้ความยินยอมดังก
ถ้าลูกหนี้เป็นแต่ได้รับคำบอกกล
..............................
จะเห็นได้ว่าการโอนสิทธิเรียกร้
เป็นหนี้ก็ต้องชำระแต่การใช้สิท
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)