วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

ผู้เสียหายในคดีอาญากับมาตรา 44/1

               หลายท่านคงเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างเกี่ยวกับเรื่องของประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา44/1  ว่าคือการที่ผู้เสียหายในคดีอาญาใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีอาญานั้น เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย อันเป็นสินไหมทดแทนจากจำเลยในคดี เพราะเหตุที่ได้กระทำความผิดขึ้นทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายต่างๆตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ซึ่งกรณีประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/1 นี้ เป็นการใช้สิทธิเรียกค่าเสียหายทางหนึ่งโดยไม่ต้องนำเรื่องไปฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งขึ้นต่างหากอีก เมื่อยื่นคำร้องแล้วศาลที่พิจารณาคดีอาญาก็จะมีอำนาจพิจารณาความเสียหายในส่วนแพ่งให้แก่ผู้เสียหายได้ในคราวเดียวกันไปและสามารถมีคำพิพากษาในส่วนแพ่งนี้ไปพร้อมกันกับคดีอาญาได้ แต่ต้องไม่ใช่กรณีที่พนักงานอัยการได้ใช้สิทธิเรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหาย ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 ไว้แล้ว ซึ่งผู้เสียหายจะยื่นคำร้องเรียกเอาทรัพย์สินหรือราคาทรัพย์สินอีกไม่ได้

                โดยผู้เสียหายจะต้องยื่นคำร้องขอค่าเสียหายเข้ามาในคดีอาญาที่พิจารณา ก่อนที่ศาลจะได้มีการสืบพยาน หรือกรณีที่จำเลยรับสารภาพโดยไม่มีการสืบพยานนั้น ต้องยื่นคำร้องก่อนศาลอ่าน       คำพิพากษาซึ่งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีแพ่งทั่วไปครับ เว้นแต่ ศาลจะเห็นว่าที่ผู้เสียหายได้     เรียกค่าสินไหมทดแทนมานั้นสูงเกินส่วน(สูงเกินไป) หรือเป็นการใช้สิทธิดำเนินคดีมาโดยไม่สุจริต ศาลมีอำนาจสั่งให้ชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมดหรือแต่บางส่วนได้

                เมื่อศาลรับคำร้องของผู้เสียหายแล้ว ศาลจะทำการพิจารณาคดีในส่วนแพ่งด้วย ทำนองเดียวกันกับคดีแพ่งทั่วไป คือ สืบพยาน หรือ เข้าสู่ขั้นตอนการไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อยุติในเรื่องของ       ค่าเสียหายก่อนสืบพยานก็ได้ ดังนั้น ผู้เสียหายจึงต้องเตรียมทนายความไปด้วย หรือหากไม่สามารถจัดหาทนายความไปได้ด้วยตนเอง ก็สามารถร้องขอให้ศาลตั้งทนายความให้ได้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น