วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

เหตุเนื่องจากการกดเงินผ่านบัตรเครดิต/อายุความ/โอนสิทธิเรียกร้อง

               จากคำถาม ผมเป็นหนี้เงินกู้ผ่านบัตรเครดิต จะมีอายุความเท่าไหร่ และผมได้ตกลงกับธนาคารแล้วว่าจะผ่อนชำระเป็นจำนวน 10,000 บาท ต่อเดือน แต่ผมก็ส่งตามกำหนดได้เพียงสามเดือน นอกนั้นส่งไม่ถึงกำหนด10,000 บาท ต่อเดือน และไม่ได้ส่งอีกเลยมา 9 เดือนแล้ว ต่อมาเมื่อเดือนที่แล้วมีเอกสารจากบริษัทแห่งหนึ่ง เนื้อความบอกว่า ได้รับโอนสิทธิเรียงร้องของเจ้าหนี้มาแล้วและให้ลูกหนี้ชำระหนี้ทั้งหมดกับบริษัทแห่งนี้โดยไม่ต้องนำเงินไปชำระกับที่ธนาคารอีก เช่นนี้ในการชำระหนี้ผมจะต้องทำอย่างไรดี

                เบื้องต้นคงต้องทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าการกู้เงินกับการใช้เงินผ่านบัตรเครดิตนั้นมีจุดต่างกันอยู่ซึ่งเป็นผลไปถึงเรื่องของอายุความฟ้องคดีด้วย เพราะถ้าเป็นการกู้เงินอายุความ 10 ปี หากเป็นการใช้บริการผ่านบัตรตามสัญญาก็จะมีอายุความ 2 ปี หรือ 5 ปี ตามประเภทการใช้บริการบัตร ในที่นี่หากเป็นการที่ผู้ถือบัตรทำการกดเงินสดผ่านบัตรซึ่งเป็นบริการอย่างหนึ่งของบัตรที่ธนาคารตกลงกับผู้ใช้บัตรไว้ ไม่ถือเป็นการกู้เงินครับ อายุความคงมีเพียง 2 ปี จากคำถามลูกหนี้ขาดส่งเงินเพียง 9 เดือน จึงเห็นได้ว่าหนี้รายนี้ยังไม่ขาดอายุความ และเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนลองมาดูตัวอย่างคำตัดสินของศาลฎีกาครับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3101/2551
ที่โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยทั้งสองเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากเครื่องฝากถอนเงินสดอัตโนมัติ เป็นการกู้ยืมเงินซึ่งมีอายุความ 10 ปี คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความทั้งหมดนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์และประกอบธุรกิจให้บริการประเภทบัตรเครดิตแก่ลูกค้าซึ่งเป็นสมาชิกของโจทก์ โดยสมาชิกซึ่งรวมทั้งจำเลยทั้งสองสามารถนำบัตรเครดิตที่โจทก์ออกให้ไปใช้แทนเงินสดในการชำระค่าสินค้าและค่าบริการต่างๆ ให้แก่ร้านค้าหรือสถานบริการที่เป็นสมาชิกของโจทก์ เมื่อร้านค้าหรือสถานบริการเรียกเก็บเงินค่าสินค้าหรือค่าบริการจากการใช้บัตรเครดิตของจำเลยทั้งสองดังกล่าว โจทก์จะเป็นผู้ชำระเงินแทนจำเลยทั้งสองไปก่อนแล้วเรียกเก็บเงินจากจำเลยทั้งสองภายหลัง การประกอบธุรกิจของโจทก์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการทำกิจการงานให้บริการอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกในการซื้อสินค้าและการใช้บริการ ส่วนการให้สมาชิกเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าด้วยบัตรเครดิต ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการอำนวยความสะดวกดังกล่าวซึ่งโจทก์ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการในการเบิกเงินสดล่วงหน้าด้วย โจทก์จึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจรับทำการงานต่างๆ ให้แก่สมาชิก การที่โจทก์ได้ชำระเงินให้แก่เจ้าหนี้ของสมาชิกแทนสมาชิกไปก่อนก็ดี หรือให้สมาชิกเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าแล้วเรียกเก็บเงินจากสมาชิกในภายหลังก็ดี ถือได้ว่าเป็นการเรียกเอาเงินที่โจทก์ได้ออกทดรองไป การฟ้องเรียกเงินทดรองของโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (7) ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหานี้ชอบแล้ว”

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7610/2549
การที่จำเลยเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีเฉพาะสินเชื่อธนวัฏบัตรเครดิตกับโจทก์ก็มีความประสงค์เพื่อการชำระหนี้ค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ อันเกิดจากการใช้บัตรเครดิตรวมทั้งเพื่อถอนเงินสดจากบัญชีเงินฝากผ่านเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ ซึ่งเป็นกิจกรรมเกี่ยวเนื่องจากการใช้บัตรเครดิตทั้งสิ้น ดังนั้น หนี้ในคดีนี้จึงไม่ใช่หนี้กู้เบิกเงินเกินบัญชีหรือหนี้บัญชีเดินสะพัดโดยตรง แต่เป็นการที่โจทก์ให้บริการการใช้บัตรเครดิตแก่จำเลยที่เป็นสมาชิกโดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบธุรกิจในการรับทำการงานต่าง ๆ ให้แก่สมาชิก เรียกเอาเงินที่ได้ออกทดรองไปก่อน สิทธิเรียกร้องโจทก์จึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/34 (7)

               ประการต่อมาก็เรื่องการโอนสิทธิ์เรียกร้องสามารถทำได้หรือไม่
คำตอบคือสามารถทำได้ครับแต่มีเงื่อนไขตามหลักกฎหมายดังนี้ครับ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                มาตรา 303 สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าจะพึงโอนกันได้ เว้นไว้แต่สภาพแห่งสิทธินั้นเองจะไม่เปิดช่องให้โอนกันได้

                ความที่กล่าวมานี้ย่อมไม่ใช้บังคับ หากคู่กรณีได้แสดงเจตนาเป็นอย่างอื่นการแสดงเจตนาเช่นว่านี้ ท่านห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริต
...............................
                มาตรา 306 การโอนหนี้อันจะพึงต้องชำระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจงนั้นถ้าไม่ทำเป็นหนังสือ ท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่งการโอนหนี้นั้นท่านว่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น คำบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ท่านว่าต้องทำเป็นหนังสือ

ถ้าลูกหนี้ทำให้พอแก่ใจผู้โอนด้วยการใช้เงิน หรือด้วยประการอื่นเสียแต่ก่อนได้รับบอกกล่าว หรือก่อนได้ตกลงให้โอนไซร้ ลูกหนี้นั้นก็เป็นอันหลุดพ้นจากหนี้
...............................
               มาตรา 308 ถ้าลูกหนี้ได้ให้ความยินยอมดังกล่าวมาในมาตรา 306 โดยมิได้อิดเอื้อน ท่านว่าจะยกข้อต่อสู้ที่มีต่อผู้โอนขึ้นต่อสู้ผู้รับโอนนั้นหาได้ไม่ แต่ถ้าเพื่อจะระงับหนี้นั้นลูกหนี้ได้ใช้เงินให้แก่ผู้โอนไปไซร้ ลูกหนี้จะเรียกคืนเงินนั้นก็ได้ หรือถ้าเพื่อการเช่นกล่าวมานั้น ลูกหนี้รับภาระเป็นหนี้อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นใหม่ต่อผู้โอน จะถือเสมือนหนึ่งว่าหนี้นั้นมิได้ก่อขึ้นเลยก็ได้

               ถ้าลูกหนี้เป็นแต่ได้รับคำบอกกล่าวการโอน ท่านว่าลูกหนี้มีข้อต่อสู้ผู้โอนก่อนเวลาที่ได้รับคำบอกกล่าวนั้นฉันใด ก็จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แก่ผู้รับโอนได้ฉันนั้น ถ้าลูกหนี้มีสิทธิเรียกร้องจากผู้โอน แต่สิทธินั้นยังไม่ถึงกำหนดในเวลาบอกกล่าวไซร้ ท่านว่าจะเอาสิทธิเรียกร้องนั้นมาหักกลบลบกันก็ได้ หากว่าสิทธินั้นจะได้ถึงกำหนดไม่ช้ากว่าเวลาถึงกำหนดแห่งสิทธิเรียกร้องอันได้โอนไปนั้น
...............................

                จะเห็นได้ว่าการโอนสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ให้แก่บุคคลหนึ่งสามารถกระทำได้ แต่ต้องทำเป็นหนังสือมิฉะนั้นการโอนสิทธิ์นั้นจะไม่สมบูรณ์และแจ้งให้ทางลูกหนี้ได้ทราบถึงการโอนหนี้ดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหนี้ แต่ถึงแม้ว่าเจ้าหนี้ไม่ได้บอกกล่าวให้ลูกหนี้ทราบมีเพียงผู้รับโอนสิทธิที่แจ้งมายังลูกหนี้ ลูกหนี้ก็มีสิทธิ์เรียกร้องให้แสดงหนังสือโอนสิทธิ์ได้ หรือโต้แย้งได้ครับ แต่การที่ลูกหนี้ได้เข้าทำสัญญากับผู้รับโอนสิทธิ์หรือยอมชำระเงินให้แก่ผู้รับโอนสิทธิ์เช่นนี้ถือว่าลูกหนี้ได้ให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องนั้นแล้วการโอนสิทธิก็สมบูรณ์ จากคำถามผมจึงเห็นว่าควรตรวจสอบการโอนสิทธิ์ให้ถูกต้องเสียก่อนครับ ก่อนจะทำนิติกรรมใดๆกับผู้รับโอนสิทธิ

                เป็นหนี้ก็ต้องชำระแต่การใช้สิทธิ์เรียกร้องของเจ้าหนี้ก็ต้องถูกต้องตามกฎหมาย การชำระหนี้ทางแพ่งขึ้นอยู่กับตัวคู่กรณีและกรอบของกฎหมาย สามารถเจรจาลดลงได้แต่เพิ่มหนี้โดยไม่มีมูลสิทธิทางกฎหมายไม่ได้ หากหนี้ขาดอายุความลูกหนี้ก็ใช้สิทธิ์โต้แย้งไม่ชำระหนี้ได้ครั

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น